น้ำนมแม่ 3 ระยะ

น้ำนมแม่ 3 ระยะ

ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงในน้ำนมแม่แต่ละช่วง

น้ำนมแม่ที่ผลิตขึ้นในแต่ระยะของการเจริญเติบโตของลูกน้อยจะมีปริมาณสารอาหารที่แตกต่างกันตามความต้องการของร่างกายทารก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังคลอด น้ำนมแม่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านสารอาหาร ปริมาณ และสี แต่ไม่ว่าจะเป็นระยะใดก็ล้วนดีต่อสุขภาพลูกทั้งนั้นค่ะ น้ำนมแม่แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

1.ระยะนมสีเหลือง (Colostrum) เกิดใน 0-5 วันแรกหลังคลอด เป็นน้ำนมแม่ชนิดแรกที่ร่างกายผลิตออกมา น้ำนมระยะนี้จะมีปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับในระยะอื่นๆ แต่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกน้อย
สี : มีสีเหลืองหรือสีส้ม เนื่องจากน้ำนมในระยะนี้ มีสารแคโรทีนสูงกว่าระยะน้ำนมแม่ (ระยะที่3) ถึง 10 เท่า
สารอาหาร : สารอาหารที่เสริมสร้างภูมิต้านทาน เช่น อิมมูโนโกลบูลิน A (IgA) (เพิ่มภูมิต้านทาน), แลคโตเฟอริน (โปรตีนที่ยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคบางชนิด) ,เซลล์เม็ดเลือดขาว โปรตีนต่างๆ และแร่ธาตุต่างๆ
ประโยชน์ : เสริมสร้างความภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เป็นระยะที่น้ำนมมีสารภูมิคุ้มกันสูงมาก ดังนั้นควรให้ลูกดูดนม Colostrum ที่เริ่มผลิตออกมาภายใน 1 ชั่วโมงเพื่อรับภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

2. ระยะนมปรับเปลี่ยน (Transitional Milk) เกิดในช่วง 5-14 วันแรกหลังคลอด เป็นระยะเปลี่ยนจากหัวน้ำนมแม่เป็นน้ำนมแม่ สีจะค่อยๆ ขาวขึ้น ปริมาณน้ำนมเพิ่มมากขึ้นกว่าระยะแรก
สี: มีสีขาวหรือสีครีม
สารอาหาร : ประกอบด้วยแลคโตส และวิตามินต่างๆ มีปริมาณแคลอรี่เพิ่มมากขึ้นจากระยะนมสีเหลือง มีส่วนประกอบที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของร่างกายเพิ่มมากขึ้น
ประโยชน์ : สร้างสารอาหารที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกายและสมอง

3. ระยะน้ำนมแม่ (Mature Milk) หลังจากผ่าน 14 วันหลังคลอด จะเข้าสู่ระยะของน้ำนมแม่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นมส่วนหน้า และนมส่วนหลัง
สี : นมส่วนหน้ามีสีขาวใส และนมส่วนหลังมีสีขาวข้น
สารอาหาร : นมแม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย โดยมีส่วนประกอบหลักคือน้ำตาลแลคโตส และไขมัน(กรดไขมันจำเป็น ได้แก่ DHA กลุ่ม Omega 3 และ Arachidonie acid กลุ่ม Omega 6 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาท สมองและการมองเห็นของลูก) และ HMOs (Human milk oligosaccharides) (พรีไปโอติกซึ่งเป็นอาหารของเซลล์ทางเดินอาหารของทารก ทำให้เกิดการสร้างโปรตีนที่ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้) และวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ
ประโยชน์ : ส่งผลต่อการเจริญเติบโต ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ทารก

3.1 นมส่วนหน้าหรือน้ำนมใส (Foremilk) : เป็นน้ำนมแม่ที่ไหลออกมาในช่วงแรกๆของการให้นมลูกหรือการปั๊มนม จะมีไขมันน้อยกว่าน้ำนมส่วนหลัง แต่มีเเลคโตสสูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของทารก อีกทั้งมีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 80 % ทำให้สีจะออกใสหรือเป็นสีฟ้า นมแม่ส่วนหน้าสามารถเก็บแยกไว้สำหรับกระตุ้นการขับถ่ายหากลูกน้อยที่มีปัญหาท้องผูกได้ค่ะ

3.2 นมส่วนหลังหรือน้ำนมข้น (Hindmilk) : เมื่อให้นมลูกหรือปั๊มนมไปสักพัก ปริมาณไขมันในนมจะเพิ่มขึ้น ทำให้นมแม่เปลี่ยนเป็นนมสีขาวครีม มีความข้นกว่านมส่วนหน้า ทำให้อุจจาระของลูกเป็นสีเเหลืองข้น เป็นเม็ดๆ เหมือนเม็ดมะเขือ (แต่หากลูกถ่ายกระปริบกระปรอย มีฟอง แสดงว่าได้สัดส่วนของนมส่วนหน้ามาก นมส่วนหลังน้อย แนะนำให้ดูดเต้านานขึ้น หรือบีบส่วนหน้าออกนิดหน่อยค่ะ นมส่วนหลังจะเคลื่อนที่มาด้านหน้าทำให้ข้นขึ้น และควรปั๊มนมทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ไม่ควรปล่อยไว้นานเพราะจะทำให้นมใสมากกว่านมข้นค่ะ)

นมส่วนหน้า และนมส่วนหลัง มีคุณค่าสารอาหารไม่ต่างกันค่ะ ส่วนที่แตกต่างกันคือระดับไขมันในน้ำนม น้ำนมส่วนหลังจะมีไขมันสูงกว่า ดังนั้นอยากให้ลูกอวบอิ่ม น้ำหนักเพิ่มขึ้น แอดมินแนะนำให้กินนมส่วนหลังด้วยนะคะ การให้ลูกดูดให้เกลี้ยงเต้าสามารถช่วยให้ลูกได้กินน้ำนมส่วนหลังได้มากขึ้นค่ะ

อย่างไรก็ตามสีและปริมาณสารอาหารหลายชนิดในน้ำนมแม่อาจมีความแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละท่านและทานอาหาร ดังนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยให้น้ำนมมีคุณภาพมากขึ้นค่ะ

แนะนำเสริมด้วย ENEres 21 (Dairy Princess) บำรุงน้ำนม เพิ่มทั้งปริมาณและสารอาหารทำให้น้ำนมข้นขึ้น เพื่อสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของคุณลูกน้อย มีส่วนประกอบมาจากธรรมชาติ ผสมผสานสมุนไพรจีนและซุปเปอร์ฟู้ดที่ถูกคิดค้นสูตร และผลิตอย่างมีมาตรฐาน ได้ผลดีและปลอดภัยต่อตัวคุณแม่และคุณลูกค่ะ ซึ่งประกอบด้วย
เมล็ดแฟลกซ์ | แดนดิไลออน | ปักคี้ | ตังกุย | บาร์เลย์